จากที่ตอนแรกเป็นแค่ Teil Lockdown แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่าน ทางการของเยอรมันได้ออกมาตรการใหม่ คือ Harter Lockdown คือยกระดับล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้น! แรงขึ้น! แล้วเราได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ครั้งนี้ไหม? ชีวิตเป็นอย่างไรในเยอรมัน เดี๋ยวเล่าให้ฟังค่ะ

อ่านจากตอนที่แล้ว ช่วงที่โคโรนาระบาดใหม่ๆ
แค่อยากบันทึกไว้
เมื่อตอนต้นเดือน November ได้มีประกาศ Teil Lockdown จากทางการแล้วใช่ไหมค่ะ คนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้คือ ร้านอาหาร (แต่ให้ซื้อกลับเอาไปทานที่บ้านได้) ร้านนวด สถานที่ออกกำลังกาย โรงหนัง และอีกหลายๆอย่าง ที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตต้องปิด แต่ที่ยังเปิดอยู่คือ ซุปเปอร์มาเกตต่างๆ ร้านขายเสื้อผ้าเครื่องประดับต่างๆ รวมทั้งโรงเรียน และโรงเรียนอนุบาล ยังเปิดได้อยู่
ประสบการณ์ช่วงกักตัว Covid-19 ที่เยอรมัน Ep.1
คนเยอรมันเริ่มกลัว มีการกักตุนสินค้า ร้านอาหารถูกสั่งปิด
แต่หลังจากนั้นหลายอาทิตย์ อากาศที่เยอรมันเริ่มเย็นลง อากาศเปลี่ยนแปลง คนก็ติดโควิดก็ไม่ลดลงเลย เยอะขึ้นทุกวัน และสังเกตเห็นได้ว่าคนเยอรมันไม่ค่อยกลัวโควิดกันเลย ออกมาเดินซื้อของกันให้ควัก ยิ่งตอนต้นธันวาคมด้วยแล้ว ก็เริ่มใกล้เทศกาลคริสต์มาสก็ยิ่งแต่คึกคัก ออกมาช้อปปิ้งกันหนักมาก
ที่จริงในตอนนั้นเราเริ่มเห็นใจคนที่ต้องปิดกิจการเพราะล็อคดาวน์ รู้สึกว่าไม่แฟร์กับพวกเค้าเลยเนาะ เหมือนเพวกเค้าขาดรายได้กันต้องอยู่บ้าน แต่คนส่วนหนึ่งก็พากันออกมาข้างนอกช้อปปิ้ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไม Teil Lockdown มันไม่เป็นผล และไม่มีประสิทธิภาพ
อาทิตย์ที่สองของเดือนธันวาคม ที่เยอรมันคนติดโควิดมากขึ้นเป็นสองหมื่นกว่าคนแทบทุกวัน บางวันเกือบสามหมื่น!! คนที่เสียชีวิตก็มากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนั้นเริ่มได้ข่าวแว่วๆแล้วว่า จะมีการล็อคดาวน์แบบยกระดับขึ้นก่อนที่จะถึงคริสต์มาส เพราะช่วงนั้นเริ่มเห็นป้ายประกาศในเมืองที่อยู่ ว่าด้วยการบังคับให้ใส่หน้ากากอนามัยบนถนนคนเดินในเมืองด้วย และเริ่มมีการจำกัดการออกจากบ้านหลัง 20.00 น. ถึง 08.00 น. ที่ไม่ใช่การออกเพื่อไปทำงาน หรือเหตุฉุกเฉิน เช่นการไปหาหมอ อะไรประมาณนี้
พอถึงวันอาทิตย์ที่ 13 เดือนธันวาคม 2020 ก็มีประกาศออกมาเป็นอย่างทางการว่า จะมีการยกระดับการล็อกดาวน์ Harter Lockdown คือให้ปิดการกิจการชั่วคราวทั้งหมด ที่ไม่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และโรงเรียนต่างๆ รวมทั้งโรงเรียนอนุบาลด้วย นับตั่งแต่วันที่ 16 เดือนธันวาคม 2020 ถึงวันที่ 10 เดือนมกราคม 2021 และให้ทุกคนอยู่กับบ้านให้มากที่สุด เพื่อจำกัดและป้องกันการติดต่อของโรคระบาดที่ชื่อโควิด 19 ก่อนที่จะได้รับการฉีดวัคซีนนั่นเอง
พอวันจันทร์ วันที่ 14 (ก่อนล็อกดาวน์อีก 2 วัน) เรายังไปทำงานปกติ ก็กังวลหน่อย ไม่รู้ว่าที่ทำงานจะว่าอย่างไร เพราะเราเองก็ทำงานที่โรงเรียนอนุบาล ซึ่งก็เป็นหนึ่งในที่ต้องปิดตั่งแต่วันที่ 16 เหมือนกัน แต่ครูใหญ่ที่ทำงาน บอกว่า เนื่องจากโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนที่มีเด็กเล็ก ( 3-7 ขวบ ) และยังมีผู้ปกครองบางส่วนที่ต้องทำงาน และเค้าต้องการ Notbetreuung ให้เด็กด้วย ซึ่งโรงเรียนเรา มีเด็กอยู่ 10 คนที่ต้องการ Notbetreuung เลยทำให้เราต้องได้สิทธิ์มาทำงานเหมือนเดิม ไม่ต้องล็อกดาวน์เหมือนคนอื่น ส่วนหนึ่งก็ดีใจและโล่งอกที่ยังได้ทำงานปกติ ยังได้เงินเดือนปกติ เพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบอยู่บ้านเฉยๆอยู่แล้ว โชคดีไปค่ะ
การล็อกดาวน์ครั้งที่สองนี้ สังเกตเห็นว่าคนที่เยอรมันไม่กักตุนสินค้า เช่น กระดาษชำระ หรืออาหารแห้งเหมือนครั้งก่อน (หรืออาจจะมีแต่มีน้อย) และทุกคนเริ่มใส่หน้ากากกันมากขึ้น ถึงแม้จะมีคนบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการใหม่นี้ และจะประท้วงอยู่ก็ตาม การประท้วงที่เคยมีประปรายช่วงก่อนๆ ตั่งแต่ทางการประกาศยกระดับการล็อกดาวน์ ตอนนี้เค้าก็ไม่อนุญาตแล้ว
อย่างไรก็ดีโควิด 19 (ในความคิดของเรานะ) ทำให้เราเรียนรู้ และได้ประสบการณ์หลายอย่างเลย เช่น การเห็นถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และ การเกิดโรคภัยไข้เจ็บ มันยิ่งแต่ทำให้เราใช้ไม่ประมาทยิ่งขึ้น การเก็บออม คือส่วนสำคัญมากเหมือนกัน การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ก็ทำให้เราไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ และการมีภูมิคุ้มกันที่ดี ก็สำคัญ ทั้งสองอย่างนี่แหละคือสิ่งที่เราทำอยู่ และจะทำต่อไป เพราะไม่รู้ว่าโรคระบาดนี้จะอยู่กับเราไปอีกนานเมื่อไหร่เนาะ
สรุปที่เขียนมา เราแค่อยากบันทึกเอาไว้ว่า มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2020 นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเองก็ไม่คาดคิดว่ามันยึดเยื้อ และยาวนานขนาดนี้ คือตั่งแต่ต้นปี 2020 จนสิ้นปีเลย โชคดีที่เราสองคนไม่เดือดร้อนเรื่องเงินเหมือนคนอื่นๆ หรือมีภาระมากมาย เราและสามียังทำงาน และได้เงินปกติทั้งสองคน และมีเงินเก็บ ซึ่งถือว่าโชคดีมาก แต่ก็สงสารและเห็นใจ เพื่อนๆและคนรู้จักหลายคนที่ได้รับผลกระทบการล็อกดาวน์ในครั้งนี้เยอะมาก ก็ได้แต่ให้กำลังใจ และได้แต่หวังว่าทุกอย่างคงดีขึ้นในไม่ช้านี้ค่ะ สู้ๆนะคะทุกคน